วันนี้จะมาเขียนเรื่องราวของคนๆ หนึ่งที่เรียนจบแค่ระดับ ม.6 กับความพยายามดิ้นรนเพื่อหางานดีๆ ทำ ซึ่งต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหางานดีๆ ทำกับเค้าที่ได้เงินเดือนมากพอที่จะเลี้ยงครอบครัวได้
และคำว่าครอบครัวในที่นี่ไม่ใช่ เมีย หรือ ลูก แต่มันคือครอบครัวที่มีทั้ง พ่อแม่ เมียและลูก ในโลกที่ค่าครองชีพสูงขึ้นทุกวัน แต่รายได้สวนทางกับรายจ่าย ต้องบอกว่าสำหรับคนที่จบแค่ ม.6 แบบผมนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยซักนิด
เกิดมาในครอบครัวที่จน
คนจนในประเทศไทยต้องผ่านอะไรมากมาย ที่คนรวยไม่อาจจะเข้าใจได้ ชีวิตที่ต้องอดมื้อกินมื้อเป็นยังไง เชื่อว่าคนรวยคงไม่เข้าใจ จำได้ว่าช่วงหนึ่งในวัยเด็ก แม่ต้องอดข้าวหลายวันเพื่อให้ลูกได้กินข้าวครบทุกมื้อ ซึ่งด้วยความเด็กตอนนั้นก็ไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ต้องอดข้าวไม่ได้คิดว่าบ้านเราไม่มีเงิน
ทุกครั้งที่แม่กลับมาบ้าน แม่มักจะพูดว่า แม่อิ่มแล้วกินมาแล้วจากบ้านยาย เมื่อแม่พูดแบบนั้นเราก็กินข้าวจนหมดหม้อทุกวัน จนวันหนึ่งเราตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางคืน เห็นแม่คดข้าวที่ไหมติดก้นหม้อกิน ถึงเข้าใจว่าจริงๆ แล้วแม่ไม่ได้กินข้าวมาเลยซักวัน เพียงแค่พูดให้ลูกได้กินข้าวกัน และแม่ยอดที่จะอดเพื่อให้ลูกได้กิน
ในวัยเด็กนั้นอยากได้ของเล่นอะไรใหม่ๆ เหมือนเพื่อนๆ นั้นต้องเรียกว่าแทบที่จะเป็นไปไม่ได้เลย ค่าขนมก็ไม่เคยได้รับ มีปัญญาพาตัวเองไปโรงเรียนได้นี่ก็ถือว่าโชคดีมากๆ แล้ว
เวลาที่ได้เห็นเพื่อนๆ มีอะไรใหม่ก็อยากได้เหมือนเขาแต่ก็ไม่เคยร้องเพื่อที่จะขอกับแม่ ได้แต่ทำใจและยอมรับในชีวิตที่เรามี ว่าครอบครัวเรามีได้แค่นี้ อย่าพยามสร้างเงื่อนไขความอยากได้อยากมีให้กับชีวิต
จบ ม.6 ได้ก็บุญแล้ว
ด้วยความที่บ้านยากจน ถึงแม้ว่าจะเรียนดีอยู่ห้องคิงของโรงเรียนประจำจังหวัด แต่การได้อยู่ในห้องที่มีแต่คนเรียนเก่งไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีของคนจนเท่าไหร่นัก เราต้องจับกลุ่มคนจนด้วยกันอยู่ 3-4 คน เพื่อกินข้าวด้วยกันห่อข้าวมากินที่ห้องเรียน แทนที่จะเป็นโรงอาหาร ไม่มีโอากาสได้เรียนพิเศษกับคนอื่นเค้า ซึ่งการเรียนพิเศษในตอนนั้น คนที่เรียนก็จะได้แนวข้อสอบทำให้มีโอกาสที่จะสอบได้คะแนนดีๆ กว่าคนที่ไม่ได้เรียนนั่นเอง เพราะอาจารย์ที่สอนก็ต้องบอกให้นักเรียนที่ไม่ได้มาเรียนรู้ว่า คนที่มาเรียนพิเศษจะเก่งกว่าคนที่ไม่ได้เรียนนั่นเอง แต่จริงๆ ไม่ใช่แบบนั้นก็แค่ได้แนวข้อสอบหรือบางทีก็ได้ข้อสอบจริงก่อนนั่นเอง
การที่เรียนจบ ม.6 ได้ในโรงเรียนประจำจังหวัด ถามว่ายากไหมก็คงไม่ได้ยาก แต่ก็ไม่ได้ง่ายอะไร เพราะครั้งหนึ่งเคยไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม และครูก็เรียกนักเรียนเพื่อให้ไปจ่ายค่าเทอม แต่เราไม่มีเงิน ได้แต่นั่งนิ่งๆ ดีว่าครูไม่ได้เรียกเป็นรายบุคคล แต่ใช้วิธีต่อแถวใครพร้อมก็ไปก่อน ทำให้ไม่เป็นจุดสังเกตุของเพื่อนๆ ในห้องเรียน
ซึ่งตอนนั้นคิดแล้วว่าไม่ได้จะได้จบเพราะเคยดูในหนังทีว่าใครไม่จ่ายค่าเทอมก็จะไม่จบนั่นเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าอย่างไร สุดท้ายก็เรียนจบ ม.6 มาได้ โดยที่ก็ไม่ได้จ่ายค่าเทอม ค่าบำรุงการศึกษาอะไรเลย
และในการเรียนในโรงเรียนประจำจังหวัดห้องที่เรียนเก่งที่สุดของโรงเรียน ซึ่งแน่นอนว่าคนในห้องนี้ส่วนใหญ่จะเป็นลูกคนมีเงิน คนทำธุรกิจในจังหวัด ลูกข้าราชการที่เบิกค่าเทอมได้ หรือ ลูกของคนที่มีรายได้ดีในจังหวัด สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียน การไปเที่ยว การกิน เราไม่มีโอกาสได้ทำสิ่งต่างๆ เหล่านั้นเหมือนเพื่อนๆ
ครั้งหนึ่งได้เป็นนักกีฬาสี ต้องออกเงินเพื่อซื้อเสื้อสีเพื่อจะเข้าร่วมแข่งขันนั้น แต่ก็ไม่มีเงินที่จะซื้อ สุดท้ายก็ยอมที่จะไม่แข่ง โดยต้องบอกว่าเรามีดีกรีเป็นนักกีฬาจังหวัดในกีฬาประเภทนี้ แต่ต้องไม่ลงแข่งกีฬาสีนี้เพราะไม่มีเสื้อใส่ เป็นสิ่งที่น่าเสียดายมาก อดโชว์ฟีมือให้สาวๆ รุ่นน้องได้ดู
และสุดท้ายการแข่งขันกีฬาประจำจังหวัด ต้องไปแข่งที่ต่างจังหวัดก็ไม่มีเงินที่จะซื้อรองเท้าใหม่เพื่อไปทำการแข่งขัน จำได้ว่าต้องใส่รองเท้านานยางขาดนิ้วโป้งโผล่เพื่อไปแข่ง ซึ่งในการแข่งขันระดับจังหวัดคงเป็นภาพที่น่าสงสาร จนเพื่อนๆ ในทีมช่วยกันออกเงินเพื่อซื้อรองเท้าให้ใหม่ เพราะตอนแรกขอถอนตัว ในวัยเด็กเราก็ยังคงมีความอายอยู่บ้าง แต่เพื่อไม่ให้ถอนตัวเลยช่วยกันออกเงินซื้อร้องเท้าใหม่ให้
เข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้เพราะขาดเงินมอบตัวครั้งแรก
อีกช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ นั่นก็คือการที่ต้องเข้าระดับมหาวิทยาลัย สอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดังในภูมิภาคนั้น แต่ไม่สามารถเข้าเรียนได้เพราะไม่มีเงินไปมอบตัว ถามว่าสมัยนั้นมีเงินกู้เรียนไหม ก็ต้องบอกว่ามี แต่การจะเข้าเรียนได้ ต้องผ่านการมอบตัวก่อน เมื่อเข้าเรียนแล้วถึงจะทำเรื่องกู้เรียนได้ ซึ่งต้องใช้เงินก้อนใหญ่ และแน่นอนว่าครอบครัวไม่มีเงินก้อนนี้ให้
ซึ่งตั้งใจแล้วว่าหากเข้าได้คงจะไปทำงานไปด้วยเพื่อเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย แต่สุดท้ายเรื่องราวทั้งหมดก็ไม่เกิดขึ้นเพราะเราไม่มีเงินก้อนแรกที่จะมอบตัวเพื่อเข้าเรียนได้
บทสรุปของชีวิต
บทสรุปของชีวิต แม้ทุกวันนี้จะไม่ได้เสียใจกับเส้นทางชีวิตที่ผ่านมา แต่คงจะดีกว่านี้หาเราสามารถได้เรียนมหาวิทยาลัยแบบคนอื่นเค้า อาจจะไม่ต้องไล่ทำงานมาตั้งแต่พนักงานโรงงานฝ่ายผลิต จนกว่าจะมีชีวิตแบบนี้นั้น ไม่ได้ง่ายเลยสำหรับเส้นทางของชีวิตคนๆ หนึ่งที่ผ่านเรื่องราวชีวิตมาอย่างมากมาย หรือหากเกิดมาในยุคปัจจุบันก็อาจจะง่ายกว่านี้เพราะทุกวันนี้สื่อการเรียนการสอนมีเต็มไปหมด ไม่ต้องไปแอบอ่านหนังสือตามร้านหนังสือเหมือนสมัยก่อน แต่เราคงเลือกเกิดไม่ได้ ได้แค่ทำชีวิตให้เต็มที่เท่าที่เราจะทำได้ และรอโอกาสที่เหมาะสมให้เป็นวันของเรา และคว้ามันให้ได้เท่านั้นเอง